คำว่า "Origami" มาจากภาษาญี่ปุ่นซึ่งเป็นคำผสมจากคำว่า "Ori" แปลว่า "พับ" และคำว่า "Kami"
แปลว่า "กระดาษ" เมื่อเวลาผสมกันแล้ว คำศัพท์มันก็จะเพื้ยนไปเป็น "Origami"
เมื่อก่อนศตวรรษที่ 20 วิธีการและรูปแบบการพับกระดาษเป็นแบบธรรมดาทั่วไป แต่หลังจากนั้น
การพับกระดาษก็ได้พัฒนา เปลี่ยนแปลงไปจนมากกว่าแค่การพับกระดาษ
ญี่ปุ่นได้รับความรู้ทางด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านกสิกรรม ด้านศาสนา ด้านจิตวิทยา ด้านเวชภัณฑ์
และด้านวิทยาศาสตร์ จากประเทศจีนผ่านทางเกาหลี เนื่องด้วยญี่ปุ่นมีขนาดที่เล็กทำให้ความรู้ต่างๆ ถูก
กระจายออกไปได้เร็วกว่า
รูปแบบของโอริกามิของญี่ปุ่นมีความซับซ้อนมากขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1200 รูปแบบของการพับ
กระดาษจะแสดงถึงสถานที่สำคัญต่างๆ ในสังคม กระดาษในสมัยนี้ไม่แพงอีกต่อไป ใครๆก็สามารถทำ
กันได้ทุกคน จนเมื่อ 400 ปีที่แล้วได้มีหลักสูตรการพับกระดาษขึ้นแก่เด็กๆในโรงเรียน
ในช่วงค.ศ.1603-1867 - 2 รูปแบบคือ กบและนก เป็นรูปแบบการพับกระดาษที่เก่าแก่ที่สุด (อ้างอิงจาก Senbazuru Orikata ( 1000 Cranes Origami or Folding of 1000 Cranes), 1797 and Kan No Mado (Window on Midwinter)
กระจายออกไปได้เร็วกว่า
รูปแบบของโอริกามิของญี่ปุ่นมีความซับซ้อนมากขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1200 รูปแบบของการพับ
กระดาษจะแสดงถึงสถานที่สำคัญต่างๆ ในสังคม กระดาษในสมัยนี้ไม่แพงอีกต่อไป ใครๆก็สามารถทำ
กันได้ทุกคน จนเมื่อ 400 ปีที่แล้วได้มีหลักสูตรการพับกระดาษขึ้นแก่เด็กๆในโรงเรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น